คิง เอริค คันโตน่า จากลูกเตะกังฟู สู่แรงบันดาลใจแห่งยุค

เรื่องราวของ เอริค คันโตน่า อดีตนักเตะระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในบันทึกที่เต็มไปด้วยความอัจฉริยะ ความเจ้าอารมณ์ และวีรกรรมที่ทั้งน่าจดจำและน่าตกใจในเวลาเดียวกัน คันโตน่าเดินทางมาถึงโอลด์แทรฟฟอร์ดในปี 1992 และได้กลายเป็น "คิง เอริค" ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้สโมสรเข้าสู่ยุคแห่งความยิ่งใหญ่ โดยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกถึง 4 สมัย จาก 5 ฤดูกาล แต่ช่วงเวลาที่โด่งดังที่สุดของเขา กลับมาจากเหตุการณ์นอกสนาม

เหตุการณ์ที่กลายเป็นที่โจษจันไปทั่วโลกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มกราคม 1995 ในเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเยือน คริสตัล พาเลซ หลังจากที่ คันโตน่า โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม เขากำลังเดินกลับเข้าอุโมงค์ แต่จู่ ๆ ก็มีแฟนบอลเจ้าถิ่นคนหนึ่งวิ่งลงมาจากอัฒจันทร์และตะโกนด่าทอเขาอย่างรุนแรง สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือการตอบโต้ที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อ คันโตน่า ได้กระโดดใช้ "ท่าเตะกังฟู" ใส่แฟนบอลคนนั้นทันที

การกระทำที่รุนแรงและฉุนเฉียวนี้ทำให้ คันโตน่า ถูกลงโทษสถานหนัก เขาถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) สั่งแบนยาวถึง 9 เดือน และถูกปรับเงินจำนวนมาก นอกจากนี้เขายังต้องรับโทษบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม การขาดหายไปของ "กัปตัน" ผู้เป็นหัวใจของทีมในเวลานั้น ส่งผลให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกให้กับแบล็กเบิร์น โรเวอร์สไปอย่างน่าเสียดายในฤดูกาลนั้น

อย่างไรก็ตาม วีรกรรมดังกล่าวไม่ได้บั่นทอนความศรัทธาของแฟนบอล "ปีศาจแดง" แต่กลับทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านมากขึ้นไปอีก เมื่อ คันโตน่า พ้นโทษแบนและกลับมาลงสนามอีกครั้งในเดือนตุลาคม 1995 เขาก็ยังคงไว้ซึ่งฟอร์มที่ยอดเยี่ยมและสวมบทบาทผู้นำในการพาทีมคว้า ดับเบิ้ลแชมป์ (พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ) ได้สำเร็จในฤดูกาล 1995-1996

เอริค คันโตน่า จึงถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลในฐานะนักเตะที่ไม่เหมือนใคร เขาคือศิลปินในสนามที่มีทักษะการเล่นอันเหนือชั้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนเจ้าอารมณ์ที่ไม่ยอมจำนนต่อกฎเกณฑ์ใด ๆ คำพูดที่โด่งดังที่สุดหลังเหตุการณ์กังฟูคิกคือประโยคเปรียบเปรยที่เต็มไปด้วยปรัชญา "เมื่อนกนางนวลตามเรือประมง นั่นก็เพราะมันคิดว่ากุ้งจะถูกโยนลงทะเล" ซึ่งยังคงเป็นปริศนาและเป็นเครื่องยืนยันถึงความลึกซึ้งในตัวตนของ "คิง เอริค" ตลอดไป





Post a Comment

أحدث أقدم