ปารีส แซงต์-แชร์กแมง หรือ PSG เริ่มต้นยุคทองของพวกเขาอย่างแท้จริงในช่วงทศวรรษ 2010s หลังจากได้รับการเทคโอเวอร์โดย Qatar Sports Investments (QSI) ในปี 2011 ซึ่งเปลี่ยนสโมสรให้กลายเป็นหนึ่งในทีมที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลที่สุดในยุโรป การลงทุนครั้งนี้ทำให้ PSG ดึงดูดนักเตะระดับโลกอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, ติอาโก้ ซิลวา, เอดินสัน คาวานี่ และ มาร์โก แวร์รัตติ เข้ามาเสริมทีม จนกลายเป็นมหาอำนาจลูกหนังแห่งฝรั่งเศส
ความสำเร็จภายในประเทศเริ่มไหลมาอย่างต่อเนื่อง PSG ครองแชมป์ ลีกเอิง (Ligue 1) แทบทุกฤดูกาลตลอดทศวรรษ 2010s และกวาดถ้วยภายในประเทศอย่าง เฟรนช์คัพ (Coupe de France) และ เฟรนช์ลีกคัพ (Coupe de la Ligue) แทบทุกปี สไตล์การเล่นของทีมเน้นความบุกดุดัน การครองบอลเหนือคู่แข่ง และความสร้างสรรค์จากแนวรุกที่อันตรายที่สุดในยุโรป
ช่วงพีกของยุคทองคือเมื่อ PSG เซ็นสัญญานักเตะระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง เนย์มาร์ จูเนียร์ จากบาร์เซโลนา ด้วยค่าตัวสถิติโลก 222 ล้านยูโรในปี 2017 และตามด้วยการคว้า คีเลียน เอ็มบัปเป้ ดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสในปีเดียวกัน ทั้งสองกลายเป็นหัวใจหลักของทีม และนำ PSG เข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรในปี 2020 (แม้จะแพ้บาเยิร์น มิวนิค 0-1) ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของยุคนี้
แม้ PSG จะยังไม่สามารถคว้าแชมป์ยุโรปได้ แต่ยุคทองนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สโมสรเปลี่ยนจากทีมระดับชาติให้กลายเป็น “สโมสรระดับโลก” อย่างเต็มตัว ด้วยภาพลักษณ์ที่หรูหรา, การตลาดระดับสากล และซูเปอร์สตาร์มากมาย ทั้งในและนอกสนาม — ทำให้ PSG กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ฟุตบอลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในศตวรรษที่ 21.
ค่าตัวร่วงยกชุด! โฟเด้นนำทัพ 10 แข้งมูลค่าประเมินลดมากสุดปี 2025
วิกฤตแอนฟิลด์! ลิเวอร์พูลแพ้ 8 จาก 11 นัด ชะตา 'อาร์เน่' แขวนบนเส้นด้าย
🎉 สมัครสมาชิกวันนี้!
🌟 ลุ้นรับสิทธิพิเศษและร่วมสนุกกับกิจกรรมดีๆ มากมาย
📲 คลิกที่นี่เลย 👉 https://line.me/R/ti/p/@pzz9






แสดงความคิดเห็น